ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ

อนาคาริก ธรรมปาละ ( Anagarika Dhammapala ) เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย เป็นผู้ก่อตั้งสมาคมมหาโพธิ์ และเป็นผู้เรียกร้องเอาพุทธสถานในอินเดียกลับคืนมาเป็นของชาวพุทธเมื่อได้อ่านหนังสือเรื่องประทีปแห่งเอเชียของท่านเซอร์ เอ็ดวิล อาร์โนล ก็เกิดความซาบซึ้ง มีความคิดอยากอุทิศชีวิตถวายต่อพระพุทธองค์ในการฟื้นฟูพุทธศาสนาที่อินเดีย จึงออกเดินทางสู่อินเดีย เมื่อได้เห็นเจดีย์พุทธคยาที่ชำรุดทรุดโทรมถูกทอดทิ้ง และอยู่ในความครอบครองของพวกมหันต์ จึงเกิดความสังเวชใจ ที่ได้พบเห็นเช่นนั้น จึงทำการอธิษฐานต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ว่า จะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา เพื่อฟื้นฟูพุทธศาสนา ในอินเดียและนำพุทธคยากลับคืนมาเป็นสมบัติของชาวพุทธทั่วโลกให้ได้
ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ เดิมนามว่า ดอน เดวิด เหวะวิตารเน ท่านเกิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2407 ในครอบครัวผู้มั่งคั่ง บิดาชื่อว่า เดวิด เหววิตรเน ในตระกูลชาวพุทธผู้มั่งคั่ง ซึ่งทำธุรกิจเฟอนิเจอร์ในเมืองโคลัมโบ ตำบลเปตตาห์ เป็นบุตรของดอน คาโรลิส เหวะวิตารเน และนางมัลลิกา เหวะวิตารเน (นามสกุลเดิม - ธรรมคุณวัฒนะ) ตระกูลของฝ่ายบิดาท่าน เป็นชาวพุทธผู้ทำเกี่ยวกับการกสิกรรมในเมืองมาตะระ ทางตอนใต้ของศรีลังกา ปู่ของท่านมีนามว่า ทินคิรี อัปปุฮามี มีบุตรสองคน คนหนึ่งออกบวชเป็นพระภิกษุ นามว่า หิตตะติเย อัตถทัสสี เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดหิตตะติยะมหาวิหาร ส่วนลูกคนที่สอง คือบิดาของท่านธรรมปาละ ได้เดินทางมาทำงาน ตั้งรกรากในกรุงโคลัมโบ ต่อมาได้สมรสกับนางมัลลิกา ธรรมคุณวัฒนะ ซึ่งเป็นตระกูลชาวพุทธผู้มั่งคั่ง ในกรุงโคลัมโบ และตระกูลนี้ ได้อุทิศที่ดินแปลงหนึ่ง สร้างมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา ให้ชื่อว่า วิทโยทัยปริเวณะ ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยวิทโยทัย
บิดาและมารดาของท่าน ในตอนแรกตั้งใจจะได้ลูกชาย แต่จุดหมายต่างกัน บิดาปรารถนาจะได้ลูกชาย ไว้สืบสกุลและสืบทอดกิจการ ส่วนมารดา อยากได้ลูกชายเพราะปรารถนาจะเห็นพระภิกษุผู้ครองกาสาวพัสตร์ ที่จะนำดวงประทีบแห่งพระธรรม ฉายส่องทางสว่างให้แก่ประชาชาติชาวลังกาในขณะนั้น ทุกๆ เช้านางจะเก็บดอกไม้มา บูชาพระรัตนตรัย และนิมนต์พระภิกษุมาเพื่อเจริญพระพุทธมนต์ และถวายทานกุศลทุกๆวันพระ ปรารถนาขอให้มีบุตรชายที่เกิดมาเป็นผู้ที่มีปัญญาแจ่มใส มีจิตใจฝ่ในพระธรรม และเป็นผู้ที่จะนำประชาชาติให้พ้นจาก ความมืดมนจากการปกครองอันอยุติธรรมของคนต่างชาติต่างศาสนาในยุคนั้น
เมื่อครบกำหนดเวลา นางมัลลิกา เหวะวิตารเน ได้ให้กำเนิดบุตรชายที่แข็งแรง และมีใบหน้าผ่องใส ในคืนวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๗ ซึ่งเด็กทารกคนนั้น ต่อมา คือ ดอน เดวิด เหวะวิตารเน หรือ ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ นั่นเอง สภาวะสังคมลังกายุคนั้น นับว่าเป็นยุคเสื่อมโทรมที่สุดของพระพุทธศาสนา เนื่องจากภัยต่างชาติต่างศาสนาเข้ามารุกราน คือภัยจากพวกโปรตุเกส ฮอลันดา และอังกฤษ ครั้งหลังสุดก็หนักมาก พระพุทธศาสนาถูกเบียดเบียน พระภิกษุสามเณรถูกกลุ่มคนมิจฉาทิฎฐิรับจ้างด่าทอ ชาวพุทธถูกดขี่ข่มเหง ถูกเรียกเก็บภาษีแพงๆ จากผู้ปกครองประเทศต่างชาติในยุคนั้น ชาวพุทธบางคน เวลารับราชการ หรือทำงานทั่วไป หากเป็นชาวพุทธ จะไม่ได้รับเข้าทำงานในตำแหน่งสูง เด็กเมื่อเกิดมาก็ถูกยัดเยียดให้มีชื่อแบบต่างชาติ เช่นเดวิด ไมเคิล อะไรทำนองนี้ ท่านธรรมปาละ หรือดอน เดวิด เหวะวิตารเน เติบโตขึ้นมาในสังคมแบบนี้
งานเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ท่านอนาคาริกะ ธรรมปาละ เป็นชาวศรีลังกา และเป็นชาวพุทธที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย ก่อนบวชท่านได้ฟังสถานการณ์พุทธสถานจาก เซอร์เอ็ดวิน อาร์โนลด์ แล้ว ท่านได้ตัดสินใจบวชเป็นนักบวช (ยังไม่บวชเป็นพระ) เดินทางมาอินเดีย ท่านพัฒนาป่าอิสิปตนะมฤคทายวันให้เป็นพุทธสถาน ซึ่งเดิมมีการสร้างพระวิหารอยู่แล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ต่อ มารัฐบาลของอินเดีย ได้จัดสรรที่ดินให้ท่าน 20 เอเคอร์ (ประมาณ 50 ไร่) และท่านก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนที่มีคุณค่าพร้อมกับการก่อสร้างวิหารเริ่มขึ้นใหม่
ท่านได้กลับไปศรีลังกา และอีก 3 ปีต่อมาท่านก็ได้กลับมายังป่าอิสิปตนฯ อีก และเริ่มงานของสมาคมมหาโพธิ์ ณ ที่นั้น อีกครั้งหนึ่ง ท่านได้พาสามเณร จำนวน 10 รูปจากศรีลังกามาด้วย หลังจากท่านท่านได้สละชีวิตทางโลกออกมาเป็นคนไม่มีบ้าน (อนาคาริก) เป็นเวลานาน และได้บวชสามเณร ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 โดยท่านพระโพธิรุกขมูเล เรวตะ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า เทวมิตตะ ธัมมปาละ ได้เข้ารับการอุปสมบท ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2476
ท่านอนาคาริกะ ธรรมปาละ เป็นชาวศรีลังกา และเป็นชาวพุทธที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย ก่อนบวชท่านได้ฟังสถานการณ์พุทธสถานจาก เซอร์เอ็ดวิน อาร์โนลด์ แล้ว ท่านได้ตัดสินใจบวชเป็นนักบวช (ยังไม่บวชเป็นพระ) เดินทางมาอินเดีย ท่านพัฒนาป่าอิสิปตนะมฤคทายวันให้เป็นพุทธสถาน ซึ่งเดิมมีการสร้างพระวิหารอยู่แล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ต่อ มารัฐบาลของอินเดีย ได้จัดสรรที่ดินให้ท่าน 20 เอเคอร์ (ประมาณ 50 ไร่) และท่านก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนที่มีคุณค่าพร้อมกับการก่อสร้างวิหารเริ่มขึ้นใหม่
ท่านได้กลับไปศรีลังกา และอีก 3 ปีต่อมาท่านก็ได้กลับมายังป่าอิสิปตนฯ อีก และเริ่มงานของสมาคมมหาโพธิ์ ณ ที่นั้น อีกครั้งหนึ่ง ท่านได้พาสามเณร จำนวน 10 รูปจากศรีลังกามาด้วย หลังจากท่านท่านได้สละชีวิตทางโลกออกมาเป็นคนไม่มีบ้าน (อนาคาริก) เป็นเวลานาน และได้บวชสามเณร ในวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2474 โดยท่านพระโพธิรุกขมูเล เรวตะ เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า เทวมิตตะ ธัมมปาละ ได้เข้ารับการอุปสมบท ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2476